มาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวยิงตัวใหม่ของนีซ โชว์ฟอร์มสุดหรูหลังได้ลงเล่นเป็นเกมแรกให้กับต้นสังกัดและยิงได้ 2 ประตู ช่วยให้ทีมเปิดบ้านเอาชนะโอลิมปิก มาร์กเซย 3-2ศึกลีกเอิง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าถิ่นนีซจัดการส่งกองหน้าจอมเกรียนลงเล่นเปิดตัวเป็นเกมแรก และเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวังหลังจากซัดจุดโทษให้ทีมขึ้นนำในนาทีที่ 7 ของการแข่งขัน
ก่อนที่ทีมเยือนจะมาได้สองประตูจากฟลอริยง โธแว็งและบาเฟติมบี้ โกมิส(จุดโทษ) แซงขึ้นนำ 2-1 และเหลือเวลาอีกไม่ถึง 20 นาที
อย่างไรก็ตามบาโลเตลลี่ก็มาทำประตูที่สองของเขาจากลูกโหม่งในนาทีที่ 78 ช่วยให้ทีมตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนที่พวกเขาจะแซงนำในนาทีที่ 87 จากวีแลน ซิเปรียน และเอาชนะไปได้ 3-2 ในที่สุด
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้นีซขึ้นไปอยู่อันดับที่ 2 ของตารางหลังจากลงเล่นไป 4 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 เป็นรองโมนาโกแค่ลูกได้เสียเท่านั้น
นอกจากนี้การยิงสองประตูในเกมนี้ยังถือว่าเป็นการทำประตูในลีกได้มากกว่า 1 ลูกเป็นครั้งแรกของบาโลเตลลี่นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-2014 ที่เขาทำไป 14 ประตูให้กับเอซี มิลานอีกด้วย
สำหรับบาโลเตลลี่นั้นเพิ่งย้ายจากลิเวอร์พูลไปอยู่กับนีซแบบไม่มีค่าตัวในช่วงเดดไลน์ตลาดซื้อขายที่ผ่านมา หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในถิ่นแอนฟิลด์และไม่มีอนาคตในแผนของกุนซือใหม่อย่างเยอร์เก้น คล็อปป์
แข้งวัย 26 ปี ได้ออกมาเผยว่าการย้ายไปร่วมทีม"หงส์แดง"นั้นถือเป็นเรื่องพลาดที่สุดในชีวิตการค้าแข้ง
"การไปร่วมทีมลิเวอร์พูลนั้นเป็นการตัดสินใจที่แย่ที่สุดในชีวิตของผมเลย นอกจากแฟนบอลที่น่าอัศจรรย์กับผู้เล่นบางคนที่ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยแล้ว ผมไม่ชอบตัวสโมสร" เขาบอกกับ Canal+
"ผมมีโค้ชสองคนที่ลิเวอร์พูล ร็อดเจอร์สกับคล็อปป์ในช่วงสั้นๆ ผมไม่ชอบวิธีการและบุคลิกส่วนตัวของพวกเขา อยู่ที่นั่นผมไม่เคยรู้สึกดีจริงๆเลย"
"ยกตัวอย่างนะ ผมไม่มีมีอะไรเหมือนอย่างซลาตัน(อิบราฮิโมวิช)เลย คุณจับสิงโตมาประจันหน้ากับซลาตัน เขาก็น่าจะยังใจเย็นได้อยู่ ถ้าคุณให้คุณดีๆมาอยู่รอบตัวเขา เขาก็ยังนิ่งได้ นั่นแหละตัวเขา"
"แต่ผมต้องการอะไรที่ผ่อนคลายและรายล้อมด้วยสิ่งที่ดีสำหรับผมมากกว่านั้น"
นอกจากนี้เขายังพูดถึงความทะเยอทะยานที่ต้องการคว้าตำแหน่งบัลลงดอร์ในอนาคตอีกด้วย
"การจะคว้าบัลลงดอร์มันไม่ช้าเกินไปสำหรับผมหรอก" เขาเสริม
"ผมว่าถึงตอนนี้ผมน่าจะได้มันมาก่อนแล้วด้วย แต่ยังไงก็ตามผมก็ยังสามารถคว้ามันมาได้ภายใน 2-3 ปี ด้วยการทำงานหนักและมีความจริงจัง"
"สองปีที่ผ่านมาจริยธรรมการทำงานของผมเพิ่มขึ้นจาก 10 ไปเป็น 80 เปอร์เซนต์ ผมเริ่มทำงานหนักมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา" เขาทิ้งท้าย