(http://www.mx7.com/i/a1b/giakNW.JPG)
บาร์เซโลน่าประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการว่าสโมสรได้ตกลงขยายสัญญาการเป็นพันธมิตรกับกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟ ต่อไปจนถึงปี 2020
ยักใหญ่แห่งแคว้นกาตาลันนั้นเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับยูนิเซฟมาตั้งแต่ปี 2006 และภายใต้สัญญาการร่วมมือครั้งใหม่นี้พวกเขาจะต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนมากขึ้นจากเดิม 1.5 ล้านยูโรเป็น 2 ล้านยูโรต่อปี เพื่อใช้สิทธิ์ในการนำโลโก้ของยูนิเซฟมาติดหน้าอกชุดแข่ง
ก่อนหน้าที่ทั้งสององกรณ์จะร่วมมือกันนั้น บาร์ซ่าเคยรับค่าสปอนเซอร์คาดหน้าอกตามปกติ แต่พวกเขาตัดสินใจไม่รับเงินส่วนนี้ตั้งแต่การเข้ามาของยูนิเซฟเมื่อฤดูกาล 2006-07 และมีสัญญา 5 ปีด้วยกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อสัญญาฉบับนั้นจบลงในปี 2011 บาร์เซโลน่าก็ได้ประกาศสัญญาที่เป็นระดับที่ทำลายสถิติถึง 150 ล้านยูโรกับสายการบินกาตาร์ แทนที่ของยูนิเซฟที่ไปแปะอยู่ด้านหลังเสื้อ
ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้น เกิดคำวิจารณ์อย่างมาก แต่พวกเขาต้องทำเพราะแม้ทีมจะประสบความสำเร็จในสนามแต่สถานภาพทางการเงินนั้นติดลบ
ในงานแถลงขยายความร่วมมือในครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามคัมป์ นูและมีประธานสโมสรอย่างโจเซ็ป มาเรีย บาร์โตเมว, รองประธานฆอร์ดี้ การ์โเนอร์, ซีอีโอของยูนิเซฟ อันโธนี่ เลค และคณะกรรมการยูนิเซฟของสเปน คาร์เมโล อันกูโล่
นอกจากนี้ยังมีเด็กจาก 50 โรงเรียนในสเปนมาอยู่ในงานด้วยเพื่อมากล่าวถึงความรู้สึกของพวกเขาต่อสิ่งที่องค์กรการกุศลนี้เคยทำให้รวมถึงเรื่องสิทธิเด็กทั่วโลก
เดือนพฤศจิกายนปีนี้จะครบ 10 ปี นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายจับมือร่วมกัน พวกเขาช่วยกันทำงานเพื่อเด็กมาแล้วกว่า1 ล้านคนใน 7 ประเทศ
จากปี 2006-10 พวกเขาร่วมกันทำงานที่ประเทศสวาซิแลนด์, มาลาวี และอังโกล่า ในการตรวจและป้องกัน HIV และโรคเอดส์ และนับตั้งแต่ปี 2011 งานของพวกเขาก็ขยายไปยังแอฟริกาใต้, กาน่า, บราซิล และจีน นอกจากนี้ยังให้ความรู้ด้านกีฬาด้วยเช่นกัน