ทีเด็ดบอล วิเคราะห์บอล แหล่งรวมเหล่าเซียนบอล

General Category => ข่าวฟุตบอลนอก => ข้อความที่เริ่มโดย: BigBoss555 ที่ 28 กันยายน 2023




เชียร์บอล
หัวข้อ: กูรูร่วมสับ "สิงห์" กำลังทำลายนักเตะ
เริ่มหัวข้อโดย: BigBoss555 ที่ 28 กันยายน 2023
(https://i.dailymail.co.uk/1s/2023/09/27/13/75890671-12566553-image-a-64_1695818505284.jpg)

แกรี่ เนวิลล์ และเจมี่ คาร์ราเกอร์ สองกูรูดัง เห็นพ้องกันว่า เชลซี กำลังทำลายนักเตะฝีเท้าดี หลังทุ่มเงินมหาศาลกระชากนักเตะมาร่วมทัพแต่ผลงานไม่เข้าตา

"สิงห์บลูส์" อยู่อันดับ 14 บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ชนะแค่ 1 จาก 6 เกมแรกภายใต้การคุมทีมของเมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่

เนวิลล์ โทษวัฒนธรรมที่ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เจ้าของทีม และบอร์ดบริหารสร้างขึ้นมาทำให้ส่งผลกระทบต่อฟอร์มการเล่นของทีมในเวลานี้

"ผมคิดว่ามันเป็นวัฒนธรรม หากคุณมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเชลซี มันมีความคล้ายคลึงกันมาก" เนวิลล์ กล่าว

"พวกเขากำลังทำลายนักเตะที่ถูกเซ็นสัญญาในฐานะนักฟุตบอลที่เก่ง"

"มันเกิดขึ้นกับเชลซี ตลอดช่วง 12 -18 เดือนที่ผ่านมา มันมาจากวัฒนธรรมของระดับบน"

ด้าน คาร์ราเกอร์ กล่าวเสริมโดยยกตัวอย่าง มีคายโล่ มูดรีค ปีกราคา 88 ล้านปอนด์ว่า "ใช่เลย คุณต้องการนักเตะระดับท็อป แต่คุณต้องมีการเชื่อมโยงกันภายในห้องแต่งตัว การเชื่อมโยงกับผู้จัดการทีม การเชื่อมโยงกับแฟนบอล"

"แล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเชลซีหรือเปล่า? ผมมองไม่เห็นเลยนะ"

"ผู้จัดการทีมเปลี่ยนทุก 2 นาที มีนักเตะที่มาเล่นทางซ้าย ทางขวา ตรงกลาง บางทีมีนักเตะตำแหน่งละ 2-3 คน"

"เมื่อคุณเอานักเตะสักคนเข้ามา ตัวอย่างเช่น มีคายโล่ มูดรีค เรารู้ดีว่าเขาทำได้ไม่ดี แต่พวกเขาก็ยังซื้อปีกเข้ามาอีก! คุณต้องให้โอกาสเด็ก"

"นักเตะทุกคนรู้สึกเหมิอนกับว่ามันไม่มีโอกาสจริงๆ จังๆ สำหรับพวกเขา เพราะจะมีคนอื่นเข้ามาแย่งตำแหน่งในอีก 2 เกมถัดมา"

"มันจะไม่มีเรื่องของสปิริตหรือการเชื่อมโยงใดๆ ที่เชลซี ตั้งแต่ระดับบนลงมาถึงด้านล่าง"

"นี่ไม่ได้ข้องใจอะไรเชลซีนะ แต่สิ่งที่ดีสำหรับเรื่องนี้คือ มันแสดงให้เห็นว่าคุณหว่านเงินจำนวนมากไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลแบบอัตโนมัติ"

"มันต้องมีแผนการ มีโครงสร้าง คุณจะเอาใครเข้ามา? ใครจะเล่นกับใคร?"

"ตามปกติ ทีมที่เก่งที่สุดจะใช้เงินมากที่สุด ผมเข้าใจเรื่องนี้ แต่แนวทางที่เชลซีทำนั้น ทุ่มเงินมหาศาลในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แล้วก็ยังจะมีมาอีก"