ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังจอมเก๋า ปลุกรุ่นน้อง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตื่นจากความผิดหวังที่บุกไปเสมอ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 2-2 ศึก พรีเมียร์ ลีก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ด้วยการบุกชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ถึง ไบอารีนา เกม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มๆ เอ วันพุธที่ 27 พ.ย.นี้
แมนฯยู เพิ่งวืด 3 แต้มทั้งที่นำสองครั้งสองครา หลังบุกไปถูก คิม โบ-คยอง มิดฟิลด์เกาหลีใต้ ซัดตีเสมอ 2-2 ช่วงทดเจ็บช่วย คาร์ดิฟฟ์ ซิตี แบ่งแต้มศึก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้รั้งอันดับ 6 จาก 12 นัดตามหลังจ่าฝูง อาร์เซนอล 7 แต้ม โดยวันพุธนี้มีเกมสำคัญ แชมเปียนส์ ลีก นัด 5 ต้องไปเยือน เลเวอร์คูเซน รองจ่าฝูงเวที บุนเดสลีกา เยอรมนี เพื่อลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย
ทำให้ ริโอ เซนเตอร์ฮาล์ฟ แมนฯยู บอกทุกคนให้มีสมาธิปิดจ๊อบให้ได้ “เราต้องการทำงานให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดเพื่อกลับมามีสมาธิยัง พรีเมียร์ ลีก และไม่มีอะไรมารังควานใจ แต่ เลเวอร์คูเซน คือทีมที่ครบเครื่อง ดังนั้นไม่ง่ายแน่นอน ทว่าเราก็มีความสามารถที่จะรีดศักยภาพออกมาเพื่อทำให้ได้ตามเป้า”
ด้าน ทอม เคลเวอร์ลีย์ กองกลาง แมนฯยู ก็อยากจะลงเล่นพบ เลเวอร์คูเซน ใจจะขาดเพื่อลืมความผิดหวังวืด 3 แต้มจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี “วันพุธนี้สำคัญมากและเราจะต้องตื่นขึ้นจากเกมลีกเพื่อทำให้แน่ใจกับการเข้า รอบ แต่เป็นเรื่องดี เพราะต้องการเรียกจังหวะเดิมๆ กลับคืนมา หลังจากเสมอแบบน่าเจ็บใจบางทีนัดนี้อาจจะมาช้าไปเสียด้วย”
แมนฯยู ยังต้องลุ้นว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี (กองหน้า) เจ็บน่องและ เนมานยา วิดิช (กองหลัง) กระทบกระเทือนทางสมอง จะฟิตลงเล่นพบ เลเวอร์คูเซน ได้หรือไม่ หลังวืดเกมกับ คาร์ดิฟฟ์ เช่นเดียวกับ ราฟาเอล ดา ซิลวา (แบ็กขวา) เจ็บข้อเท้า ชินจิ คากาวะ (กองกลาง) เจ็บเท้า และ ฟิล โจนส์ (แนวรับ) กล้ามเนื้อเท้า ด้าน ไมเคิล คาร์ริค (กองกลาง) เอ็นร้อยหวาย หมดสิทธิ์ลงแน่นอน
ด้าน เลเวอร์คูเซน เพิ่งเปิดบ้านเอาชนะ แฮร์ธา เบอร์ลิน 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ขยับรั้งอันดับ 2 ตาม บาเยิร์น มิวนิก 4 แต้มจาก 13 นัด ส่วนสถานการณ์ของกลุ่ม เอ แชมเปียนส์ ลีก แมนฯยู 8 แต้ม “ห้างขายยา” 7 แต้ม ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 5 แต้ม และ รีล โซเซียดัด 1 แต้ม
