เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น



ข่าว: SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.





เชียร์บอล

Messages - สายโหด

หน้า: 1 ... 14 15 [16]
226
<a href="http://www.dailymotion.com/swf/video/xtyoul" target="_blank" class="new_win">http://www.dailymotion.com/swf/video/xtyoul</a>

227
<a href="http://www.dailymotion.com/swf/video/xtyrwg" target="_blank" class="new_win">http://www.dailymotion.com/swf/video/xtyrwg</a>

228
<a href="http://www.dailymotion.com/swf/video/xtyw3j" target="_blank" class="new_win">http://www.dailymotion.com/swf/video/xtyw3j</a>

229

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2012-13 ศึกลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ฆวน มาต้า ซัดฟรีคิกพร้อมดวงช่วยเชลซีบุกชนะอาร์เซน่อล 2:1 นำจ่าฝูงต่อ


ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2012-13
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2555


อาร์เซน่อล 1:2 เชลซี

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ๊ตกินสัน
ผู้ทำประตู : [0-1]เฟอร์นานโด ตอร์เรส น.20, [1-1]เยา แชร์วินโญ่ น.42, [1-2]ฆวน มาต้า น.53
ผู้ชม : 60,101 คน

ครึ่งแรก

     เริ่มเกม ทีมเยือนเชลซีเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นก่อน เปิดฉากมาแฟนบอลเจ้าถิ่นรุมกันโห่ทั่วสนามใส่ จอห์น เทอร์รี่ เนื่องจากเขามีความผิดคดีเหยียดผิว แอนทอน เฟอร์ดินานด์ แล้วโดนแบนเพียง 4 นัด

     นาทีที่ 10 โอกาสยิงครั้งแรกเป็นของเจ้าบ้าน เมื่อแชร์วินโญ่พาบอลไปทางฝั่งขวาแล้วเปิดเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษให้ ซานติ กาซอร์ล่า ลองส่องแต่ข้ามคานออกไป

     นาทีที่ 12 อาบู ดิยาบี้ ใช้ความสามารถเฉพาะตัวหลบคู่ต่อสู้ แต่ยิงได้เฉพาะนอกกรอบบอลเข้าซอง ปีเตอร์ เช็ก รับสบาย

     นาทีที่ 17 อาร์เซน่อลต้องเปลี่ยนตัว อาบู ดิยาบี้ ออกเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บหวั่นชวดเกมยุโรปกลางสัปดาห์ ตัดสินใจส่งออกมาพักให้ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เล่น ลงมาแทน

     นาทีที่ 20 ทีมเยือนได้เฮลั่นก่อนเมื่อได้ฟรีคิก ฆวน มาต้า โยนพุ่งเข้ามาหน้าประตูเป็น เฟอร์นานโด ตอร์เรสที่เบียดกับอยู่กับ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ แต่ ตอร์เรส ยืนได้เปรียบจัดการแปเข้าไปตุงตาข่าย เชลซีขึ้นนำ 1:0

     นาทีที่ 22 เฟอร์นานโด ตอร์เรส ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้า แตะหลบ วีโต้ มานโนเน่ หนึ่งทีแต่โดน โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ เข้ามาบีบด้านหลังทำให้ยิงไม่ถนัดเสียบอลอย่างน่าเสียดาย

     นาทีที่ 35 อารอน แรมซี่ย์ทำบอลเสียให้ออสการ์ที่กลางสนาม พุ่งเสียบหวังเอาบอลคืนแต่เข้าเต็มข้อออสการ์ โดนใบเหลืองแรกของเกมนี้ไป

     นาทีที่ 37 เชลซีทำเกมมาทางกาบขวา ฆวน มาต้า ไหลออกด้านข้างให้ เอแด็น อาซาร์ด ล็อกหลบกองหลังอาร์เซน่อล แล้วโชว์สเต็บเปิดไขว้เข้ามาหน้าประตู โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ต้องโหม่งทิ้งออกข้างไป

     นาทีที่ 42 เจ้าถิ่นได้เฮคืนบ้างเมื่อ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เล่น ได้บอลทางฝั่งขวาเปิดเรียดเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ เยา แชร์วินโญ่ จับหนึ่งทีก่อนตวัดยิงส่งบอลพุ่งเสียบใต้คานอย่างสวยงาม อาร์เซน่อลตีเสมอ 1:1

     ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3 นาที ออสการ์ตัดบอลได้ลากขึ้นคนเดียวแล้วซัดด้วยขวาแต่บอลผ่านหน้าประตูไป จบครึ่งแรก อาร์เซน่อลเสมอเชลซี 1:1

ครึ่งหลัง

     เปิดฉากครึ่งหลังเป็นเจ้าบ้านอาร์เซน่อลเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเริ่มเล่นบ้าง แต่เพียง 3 นาทีจังหวะเชลซีบุกขึ้นมาแต่ ดาวิด ลุยซ์ โดนใบเหลืองเพราะผู้ตัดสินมองว่าพุ่งล้มในกรอบเขตโทษ

     นาทีที่ 50 อาร์เซน่อลทำเกมบุกขึ้นมา คีแรน กิ๊บบ์ส ไหลเข้ากรอบให้ ลูคัส โพดอลสกี้ เปิดเข้าหน้าประตู แอชลี่ย์ โคล สกัดออกมาเข้าทาง ซานติ กาซอร์ล่า กดเต็มเข้า บอลเหินออกไปไม่ตรงกรอบ

     นาทีที่ 53 เชลซีได้ฟรีคิกอีกครั้งเฟอร์นานโด ตอร์เรส โดน เวอร์มาเล่นทำฟาวล์ ฆวน มาต้าปั่นด้วยซ้ายเข้ามาหน้าประตู โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ สกัดพลาดโดนหลังหน้าแข้งนิดเดียวบอลเข้าประตูไป เชลซีขึ้นนำอีกครั้ง 1:2

     นาทีที่ 59 อาร์เซน่อลน่าจะตีเสมอได้เมื่อ คีแรน กิ๊บบ์ส เปิดจากฝั่งซ้ายมาหน้าประตูให้ ลูคัส โพดอลสกี้ โขกบอลเหมือนจะเสียบมุมแล้วแต่โดน ปีเตอร์ เช็ก พุ่งเซฟปัดออกไปได้

     นาทีที่ 73 อาร์เซน่อลเกือบตีเสมออีกครั้ง เมื่อ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ยิงแฉลบขา ดาวิด ลุยซ์ บอลเปลี่ยนทางแต่ ปีเตอร์ เช็ก ยังไวยื่นมือปัดบอลย้อยหลุดกรอบไปนิดเดียว

     นาทีที่ 79 ฆวน มาต้า โดน คีแรน กิ๊บบ์ส ทำฟาวล์หน้ากรอบเขตโทษเป็น ฆวน มาต้า รับหน้าที่ปั่นด้วยซ้ายติดกำแพง หลังจากนั้นเชลซีส่ง แกรี่ เคฮิลล์ ลงมาแทน ดาวิด ลุยซ์ ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย

     นาทีที่ 89 ซานติ กาซอร์ล่าได้ซัดจากลูกจ่ายของแชร์วินโญ่ แต่ก็ไม่ตรงกรอบอีกครั้ง จากนั้นแค่นาทีเดียว โอกาสเป็นของเจ้าบ้านอีกครั้งเมื่อ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เล่น จ่ายบอลทะลุช่องให้ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หลุดเข้าไปในกรอบแตะหลบ ปีเตอร์ เช็ก ก่อนยิงด้วยซ้ายแต่เข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดายมว๊ากกกก

     จบเกม เชลซีบุกเฉือนชนะอาร์เซน่อล 2:1 นำจ่าฝูงต่อ





รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
อาร์เซน่อล ระบบ : 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : วีโต้ มานโนเน่
กองหลัง : คาร์ล เจนกินสัน, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, โธมัส เวอร์มาเล่นน.53, คีแรน กิ๊บบ์ส
กองกลาง : อาบู ดิยาบี้(อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เล่น น.17), มิเกล อาร์เตต้า - อารอน แรมซี่ย์น.35(ธีโอ วัลค็อตต์ น.66), ซานติ กาซอร์ล่า, เยา แชร์วินโญ่
กองหน้า : ลูคัส โพดอลสกี้(โอลิวิเยร์ ชิรูด์ น.66)
สำรอง : ดาเมน มาร์ติเนซ, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, อันเดร ซานโต๊ส, โยฮัน ฌูรู, ธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เล่น, โอลิวิเยร์ ชิรูด์


เชลซี ระบบ : 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : ปีเตอร์ เช็ก
กองหลัง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด ลุยซ์น.48(แกรี่ เคฮิลล์ น.81), จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล
กองกลาง : จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรสน.90 - ออสการ์น.39(วิคเตอร์ โมเซส น.73), เอแด็น อาซาร์ด, ฆวน มาต้า(ไรอั้น เบอร์ทรานด์ น.84)
กองหน้า : เฟอร์นานโด ตอร์เรส
สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์, แกรี่ เคฮิลล์, เซซาร์ แอซปิลิกวยต้า, ไรอั้น เบอร์ทรานด์, โอริโอล โรเมอู, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, วิคเตอร์ โมเซส


230
นานี่

อนาคตของ นานี่ ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด สั่นคลอนครั้งใหญ่เมื่อมีเรื่องฉาวกับ ดาวิเด้ เปตรุชชี่ กองกลางทีมสำรองในระหว่างซ้อมที่ศูนย์ฝึกแคร์ริงตัน

 อนาคตของ นานี่ คงดับวูบใกล้หมดเต็มทีในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อไปมีเรื่องฉาวมีปากเสียงอย่างรุนแรงกับ ดาวิเด้ เปตรุชชี่ กองกลางทีมสำรองระหว่างการฝึกซ้อม

     ปีกวัย 25 ปีเริ่มมีเรื่องกับแข้งวัย 20 ปีจาการเสียบสกัดกันขึ้นภายในศูนย์ฝึกซ้อมที่แคร์ริงตัน จนเพื่อนๆ ต้องเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกันและมีการกล่าวอ้างว่า นานี่ ได้เหวี่ยงหมัดใส่ เปตรุชชี่ ด้วย

     จากเหตุการณ์นี้มีแววว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พร้อมรับฟังข้อเสนอ 25 ล้านปอนด์ เพื่อปล่อยตัวทันทีหากมีสโมสรไหนสนใจซื้อช่วงเปิดตลาดเดือนมกราคม

231
โรแบร์โต มันชินี

โรแบร์โต มันชินี นายใหญ่ชาวอิตาเลียนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ให้สัมภาษณ์แสดงความมั่นใจ "เรือใบสีฟ้า" จะเข้าป้ายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษในฤดูกาล 2012-13 ได้อีกครั้งแน่นอน แม้ผลงานในช่วงออกสตาร์จะยังไม่สวยหรูก็ตาม
       
        แมนเชสเตอร์ ซิตี ทีมแชมป์เก่าศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างย่ำแย่ โดยชนะเพียง 2 จาก 5 เกมแรกของฤดูกาลและ 4 เกมหลังสุดในทุกรายการยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น ทว่ากุนซือจอมเฮี้ยบชาวเมืองมักโรนียังมั่นใจจะสามารถพาทีมตนเองเข้าป้ายเป็นแชมป์ลีกเมืองผู้ได้ในช่วงท้ายของซีซั่นได้อย่างแน่นอน
       
        "เราจะเป็นแชมป์อีกครั้งแต่มันจะไม่ง่ายแน่นอนในปีที่สอง ในบางช่วงคุณอาจจะไม่ได้เล่นดีหรือขาดโชคบ้าง แต่สำหรับเรายังต้องทำงานหนักต่อไป มันยากขึ้นไปอีกเมื่อเราขาด 14 ผู้เล่นตัวหลักไปในช่วงปรีซีซันทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัวนานกว่าเก่า นอกจากนี้ทีมอย่าง ฟูแลม, สโต๊ค ซิตี และ ซันเดอร์แลนด์ ยกระดับขึ้นมาอย่างน่ากลัวทำให้การแข่งมันยากขึ้นทุกๆ เกม" มันชินี กล่าว
       
        ทั้งนี้ บิ๊กบอส ชาวอิตาเลียนยังมีเรื่องปวดหัวมากขึ้นเมือเกมพรีเมียร์ ลีก ในวันเสาร์ที่ 29 ก.ย. นี้ ที่ ซิตี มีคิวบุกไปเยือน "เจ้าสัวน้อย" ฟูแลม พวกเขาจะหมดสิทธิ์ใช้งานนักเตะตัวหลักของทีมอย่าง ไมคอน, ซาเมียร์ นาสรี, ไมกา ริชาร์ด ทั้งหมดด้วย

232


เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือชาวสกอตต์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงเตือน เวย์น รูนีย์ หัวหอกคนเก่งว่าให้ระวังเพราะออาจจะไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเหมือนก่อน เนื่องจากปีนี้ทีมมีทั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี และ ชินจิ คากาวะ สองแนวรุกที่เข้ามาเสริม
       
        ก่อนหน้านี้ รูนีย์ เป็นดาวยิงหมายเลข 1 ในถิ่โอลด์ แทร๊ฟฟอร์ด มาตลอด ทว่าการย้ายมาของ โรบิน ฟานเพอร์ซี และ ชินจิ คากาวะ บวกกับฟอร์มของดาวรุ่งอย่าง ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ และ แดนนี เวลเบ็ค กำลังเล่นได้ดีขึ้น อาจจะทำให้เกิดความกดดันและมาเป็นคู่แข่งโดยตรงของกองหน้าทีมชาติอังกฤษมากยิ่งขึ้น
       
        โดย เฟอร์กูสัน กล่าวว่า "นี่คือตัวเลือกแรกๆ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ไม่รู้ทำไมผมถึงมีความรู้สึกว่าเขาทั้งสองคนเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยม อาจเพราะผมไม่อยากให้ รูนีย์ ลงเล่นคู่กับ อาร์วีพี แต่ตอนนี้ผมก็มีความสุขดี ที่มีตัวเลือกให้ใช้มากมายแต่ตำแหน่งศูนย์หน้า"
       
        ขณะที่ รูนีย์ เองยอมรับการตัดสินใจจครั้งนี้ และเชื่อว่าจะเป็นเรื่องดีเช่นกันที่มีการแข่งขันมากขึ้นในตำแหน่งของตนเอง "มีการแข่งขันที่สูงขึ้นในแดนหน้า มันเป็นเรื่องดีสำหรับทีม ผู้จัดการทีมก็จะโรเตชั่นตำแหน่งตามความเหมาะสมหากเป็นว่ามีโปรแกรมมากเกินไป นั่นหมายความว่าผมจะได้พักเพียงพอและพร้อมเต็มที่สำหรับเกมนัดถัดไป"

233
“ลีซอ”ธีรเทพ วิโนทัยจัดหมูกระทะชุดใหญ่ให้ผู้ตัดสินด้วยการระบายความในใจหลังเกมที่บีจีแพ้บุรีรัมย์ 2-3 เผยผู้ตัดสินควรพิจารณาตัวเองว่าทุกวันนี้วงการฟุตบอลไทยมีปัญหาเพราะใคร

<a href="http://www.youtube.com/v/tUyEOy5U8Fw" target="_blank" class="new_win">http://www.youtube.com/v/tUyEOy5U8Fw</a>

นานๆจะมาออกมาพูดซักที “ลีซอ”ธรเทพ วิโนทัยดาวยิง“กระต่ายแก้ว”บางกอกกล๊าสเล่นเอาทุกบทสวดมาจัดให้ผู้ตัดสินจนสะดุ้งไปทั้งวงการ

     โดยสาเหตุที่ดาวเตะรายนี้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงผู้ตัดสินเนื่องจากในเกมโตโยต้าลีกคัพ 2012 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ที่ลีโอสเตเดี้ยม บางกอกกล๊าสเปิดบ้านแพ้บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-3 โดยที่ประตูชัยของบุรีรัมย์เปิดขึ้นในช่วงทดเวลาจากลูกจุดโทษที่วาเลรี เฮี๊ยกเสียบสกัดเอกชัย สำเร ซึ่งในสายตาแฟนบอลส่วนใหญ่มองว่าไม่สมควรเป็นลูกจุดโทษแต่ดุลยพินิจของผู้ตัดสินนิวัฒน์ อินสะอาดกลับเป่าให้ลูกจุดโทษแก่ทีมเยือน จึงเป็นชนวนเหตุให้มีความวุ่นวายตามมาหลังจบเกม รวมไปถึง“ลีซอ”ที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผู้ตัดสิน

     “มันน่าเกลียดมาก เกมตลอด 90 นาทีไม่มีปัญหา บอลปะทะในเขตและโดนลูกบอลเห็นๆ ทุกคนในสนามเห็นหมดว่าโดนบอลแต่มีผู้ตัดสินคนเดียวที่มองไม่เห็น ไม่รู้จะพูดยังไง”

     “ทุกคนเล่นกันมาแทบตาย ทีมผมโดนนำ 2-0 ตามตีเสมอ 2-2 เราตั้งใจ,ทุ่มเท นี่ไม่ใช่ครั้งแรก กรรมการของไทยเราบอกได้เลยคุณไม่ต้องโทษใคร ทุกนัดที่มีปัญหาก็เพราะคุณ ผู้เล่นสมัยนี้ไม่เคยต่อยกันไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกัน มีแต่ปัญหาแต่ผู้ตัดสิน เพราะฉะนั้นคุณควรพิจารณาตัวเองว่าคุณดีพอรึยัง”

     “ที่เขาเอาผู้ตัดสินต่างชาติมาเป่า คุณไม่ต้องมาโอดโอยว่านักกีฬาไทยเห็นแก่ตัว อยากจะได้ แต่ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้หรือหลายๆครั้งที่ผ่านมาคุณทำถูกต้องรึยัง พยายามพัฒนาตัวเองหน่อยก่อนจะมองคนอื่นก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวคุณเองบ้าง ทุกวันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เพราะคุณ อย่าโทษแต่คนอื่น”

234

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ กาลาตาซาราย ไป 1:0 จากลูกโทนของ ไมเคิ่ล คาร์ริค ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่มเอช นัดแรก วันพุธที่ 19 กันยายนทีผ่านมา


ศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก 2012/2013

วันพุธที่ 19 กันยายน 2555


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 1:0 กาลาตาซาราย (ตุรกี)


สนาม : โอลด์แทร็ฟ ฟอร์ด
ผู้ตัดสิน : โวล์ฟกัง สต๊าร์ค (เยอรมัน)
ถ่ายทอดสด : เวลา 01.45 น. ทรูสปอร์ต 3 (103)

ผู้ทำประตู : [1:0] ไมเคิ่ล คาร์ริค น.7


ครึ่งแรก

     เริ่มเกมครึ่งแรกมา 5 นาที ชินจิ คากาวะ ไหลบอลเข้าเขตโทษทางซ้ายให้ หลุยส์ นานี่ ได้หลุดเข้าไปยิงติดเซฟ เฟร์นานโด มุสเลร่า

      แต่อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูมาได้ประตูขึ้นนำ 1:0 จากจังหวะที่ ชินจิ คากาวะ จิ้มบอลสั้นไหลให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค ได้หลุดเข้าไปล็อกบอลหลบ เฟร์นานโด มุสเลร่า แล้วสะดุดก่อนล้มตัวยิงด้วยซ้ายไม่เหลือ

      นาที 10 นอร์ดิน อมราบัต รับบอลจากกลางสนามก่อนลากเข้าไปปั้นด้วยขวาบอลโค้งไปชนคาน

      นาที 20 เซลชุก อินาน เปิดลุกเตะมุมทางฝั่งขวา เฟลิเป้ เมโล่ กระโดดเทกตัวขึ้นโขกบอลโด่งข้ามคาน

      นาที 29 โรบิน ฟาน เพอร์ซี เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาโด่งไปที่เสาแรก หลุยส์ นานี่ โฉบเข้ามาโขกบอลออกหลังไป

      นาที 31 เอ็มมานูแอล เอบูเอ้ ได้หลุดเข้าเขตโทษทางขวา ก่อนกดด้วยขวาบอลไปแฉลบปาทริซ เอวร่า ออกหลัง

      นาที 38 เซลชุก อินาน หลอกจ่ายลูกฟรีคิกจากทางด้านขวาไปที่หน้าเส้นเขตโทษกลางประตูให้ ฮามิต อัลตินท็อป ได้เติมเข้ามากดเลียดด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาเหลี่ยมนอกออกหลังไป

     เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ชินจิ คากาวะ จะหยอดเข้าเขตโทษให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี แต่ทาง เฟร์นานโด มุสเลร่า ออกมาตัดบอลรับเข้าซองได้ก่อน จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังนำอยู่ 1:0

ครึ่งหลัง

     เริ่มเกมครึ่งหลังมา 2 นาที ชินจิ คากาวะ ทำชิ่งกับ หลุยส์ นานี่ ก่อนหลุดเข้าเขตโทษไปยิงด้วยซ้ายบอลไปติดบล็อก ผู้เล่นกาลาตาซาราย ออกหลัง

      นาที 53 แมนฯยุมาได้จุดโทษจากลูกที่ ราฟาเอล โดนทำฟาวล์ และเป็น หลุยส์ นานี่ อาสาเป็นคนสังหารแต่พลาด เฟร์นานโด มุสเลร่า พุ่งถูกทางเซฟไว้ได้

      อีก 2 นาทีต่อมา ฮามิต อัลตินท็อป เปิดบอลจากด้านขวา เซลชุก อินาน โฉบเข้าสบัดโหม่งที่เสาแรกบอลย้อยไปเช้ดเสาไกลเหลี่ยมนอกออกหลังไป

      นาที 74 กาลาตาซารายโต้กับเร็ว ฮามิต อัลตินท็อป กดด้วยขวาจากนอกกรอบ ดาบิด เดเกีย เซฟไว้ได้แต่บอลยังมาเข้าทาง เอ็มเร่ โชลัค ได้ซ้ำดาบสอง ดาบิด เดเกีย สุดเหนียวเซฟไว้ได้อีกครั้ง

      นาที 77 โรบิน ฟาน เพอร์ซี ตอกส้นให้ ชินจิ คากาวะ ได้พาบอลไปกดด้วยซ้ายบอลไปติดบล็อก เซมีห์ คาย่า

      นาที 85 หลุยส์ นานี่ หยอดบอลให้ ชิชาริโต้ หลุดกับดักล้ำหน้าดึงบอลลงก่อนกดด้วยซ้ายแต่ยิงไม่ดีบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

      เข้าสู่ช่วงท้ายเกมครึ่งหลัง ชิชาริโต้ มีโอกาสหลุดเข้าเขตโทษไปยิงด้วยซ้ายบอลลอดตัว มุสเลร่า ไปแล้วแต่ไปติดขาของ เซมีห์ คาย่า เวลาที่เหลือไม่มีประตูเกิดขึ้นจบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนชนะ กาลาตาซาราย ไป 1:0

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระบบ 4-2-3-1 :

ผู้รักษาประตู : ดาบิด เดเกีย
กองหลัง : ราฟาเอล ดา ซิลวา,จอนนี่ อีแวนส์,เนมานย่า วิดิช ,ปาทริซ เอวร่า
กองกลาง : พอล สโคลส์ (ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ น.78), ไมเคิ่ล คาร์ริค , อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ชินจิ คากาวะ (แดนนี่ เวลเบ็ค น.84), หลุยส์ นานี่
กองหน้า : โรบิน ฟาน เพอร์ซี (ชิชาริโต้ น.80)

กาลาตาซาราย ระบบ 4-4-2 :
ผู้รักษาประตู : เฟร์นานโด มุสเลร่า
กองหลัง : เอ็มมานูแอล เอบูเอ้, Dany Nounkeu, เซมีห์ คาย่า, ฮาคาน บัลต้า
กองกลาง : ฮามิต อัลตินท็อป, เฟลิเป้ เมโล่(อัฟดิน ยิลมาซ น.78), เซลชุก อินาน, บูราค ยิลมาซ
กองหน้า : นอร์ดิน อมราบัต(เอ็มเร่ โชลัค น.63), อูมุต บูลุต(โยฮัน เอลมานเดอร์ น.15)


<a href="http://videa.hu/flvplayer.swf?v=8HVpD12rIliYXFK9" target="_blank" class="new_win">http://videa.hu/flvplayer.swf?v=8HVpD12rIliYXFK9</a>

235

ลิโอเนล เมสซี่ เหมาสองประตูช่วยให้ "เจ้าบุญทุ่ม"บาร์เซโลน่า เปิดบ้านเฉือนชนะสปาร์ตัก มอสโก ไปได้หวุดหวิด 3:2 ในรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่มจี


ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2012-13
รอบแบ่งกลุ่มนัดแรกกลุ่มจี
วันพุธที่ 19 กันยายน 2555


บาร์เซโลน่า 3:2 สปาร์ตัก มอสโก

สนาม :
คัมป์ นู
ผู้ตัดสิน : มิโลราด มาซิช (เซอร์เบีย)
ผู้ทำประตู : [1:0]คริสเตียน เตโญ่ น.14, [1:1]ดาเนียล อัลเวส น.29(เข้าประตูตัวเอง), [1:2]โรมูโล่ น.58, [2:2]ลิโอเนล เมสซี่ น.71, [3:2]ลิโอเนล เมสซี่ น.80
ผู้ชม : 82,241 คน

     นาที 14 บาร์เซโลน่า ได้ประตูออกนำไปก่อนจาก ชาบี เฮอร์นานเดซ จ่ายบอลให้ คริสเตียน เตโญ่ หาจังหวะยิงด้วยขวาผ่านมือ อังเดร ดายคาน เข้าไป 1:0

     นาที 29 สปาร์ตัก มอสโก กลับมาได้ประตูตีเสมอเมื่อ ดาเนียล อัลเวส สกัดบอลจากการเปิดทางขวาของ เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้ ไปเข้าประตูตัวเองเสียเป็น 1:1

     นาที 58 ทีมเยือนมาได้ประตูขึ้นนำ ไอเดน แม็คเกียดี้ ไหลบอลให้ โรมูโล่ ทางด้านขวาก่อนจะยิงผ่าน บิคตอร์ บัลเดส เสียบไกล 2:1

     นาที 71 "เจ้าบุญทุ่ม" ตามตีเสมอ คริสเตียน เตโญ่ ได้บอลทางซ้ายก่อนเลี้ยงสุดเส้นหลังแล้วจ่ายให้ ลิโอเนล เมสซี่ แปนิ่มๆ หน้าประตูเป็น 2:2

     นาที 80 เจ้าบ้านมาได้ประตูชัยจาก อเล็กซิส ซานเชซ โยนบอลจากทางซ้ายไปให้ ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นโหม่งตุงตาข่าย 3:2 จนจบเกมด้วยสกอร์นี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์เซโลน่า ระบบ : 4-3-3
ผู้รักษาประตู : บิคตอร์ บัลเดส
กองหลัง : ดาเนียล อัลเวส(อเล็กซิส ซานเชซ น.64), เคราร์ด ปิเก้(อเล็กซ์ ซง น.12), ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อาเดรียโน่
กองกลาง : ชาบี เฮอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เชส ฟาเบรกาส
กองหน้า : เปโดร โรดริเกซ, ลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียน เตโญ่(ดาวิด บีย่า น.74)

สปาร์ตัก มอสโก ระบบ : 4-5-1
ผู้รักษาประตู : อังเดร ดายคาน
กองหลัง : คีริลล์ คอมบารอฟ(เยฟเกนี่ มาคีเยฟ น.46), ฮวน อินซาอูร์รัลเด้, มาเร็ค ซูชี่, ดมิทรี คอมบารอฟ
กองกลาง : ไอเดน แม็คเกียดี้, คิม คัลล์สตรอม(โฆเซ่ ฆูราโด้ น.79), โรมูโล่, ราฟาเอล คาริโอก้า, อารี(อาร์เตม ซูบา น.83)
กองหน้า : เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้



236
   คริสเตียโน โรนัลโด สวมบทฮีโรของ เรอัล มาดริด โดยเป็นผู้พังประตูชัยในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ช่วยให้ "ราชันชุดขาว" พลิกกลับมาแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี ไปแบบหวุดหวิด 3-2 ใน ศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก เมื่อคืนวันอังคารที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา
       
       ที่สนามซานติอาโก เบอร์นาบิว : โจเซ มูรินโญ กุนซือของ เรอัล มาดริด กำลังต้องการจุดเปลี่ยน หลังเก็บชัยชนะได้เพียงแค่ 1 จากการลงเล่น 4 นัด โดยรายชื่อผู้เล่นในวันนี้ ยังคงมี คริสเตียโน โรนัลโด ลงสนามเป็นตัวจริงเช่นเคย โดยมี กอนซาโล ฮิกวาอิน ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเดียว ส่วน โรแบร์โต มันชินี ยังคงใช้ ดาบิล ซิลบา และ ยายา ตูเร ขับเคลื่อนเกมแดนกลาง และวาง คาร์ลอส เตเบซ เป็นหัวหอกตัวเป้า
       
       เริ่มเกม ทั้งสองทีมต่างเล่นกันอย่างรัดกุม โดยเป็น เรอัล มาดริด ที่ครองบอล และมีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า แต่ทำได้แค่ใกล้เคียงเท่านั้น ขณะที่เกมรุกของ แมนฯ ซิตี ไม่ได้สร้างความหนักใจแก่ แนวรับของ "ราชันชุดขาว" แม้แต่น้อย และยังต้องมาเสีย ซาเมียร์ นาสรี ในนาทีที่ 35 เนื่องจากอาการบาดเจ็บต้นขา ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 0-0
       
       ครึ่งหลัง รูปเกมไม่ต่างจากช่วง 45 นาทีแรก แต่เป็น แมนฯ ซิตี ฉวยโอกาสจากเกมโต้กลับได้มากขึ้นเล็กน้อย และเป๋น "เรือใบสีฟ้า" ที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน ในนาทีที่ 68 เมื่อ ยายา ตูเร ตัดบอลจากกลางสนาม แล้วไหลบอลให้ เอดิน เซโก ตัวสำรอง หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะแปด้วยเท้าซ้ายทางเสาแรก ผ่าน อิเคร์ คาซิยาส ซึ่งทิ้งตัวไปทางเสาสอง ตุงตาข่าย
       
       อีก 8 นาทีต่อมา ลูกทีมของ โจเซ มูรินโญ ตามตีเสมอได้สำเร็จ เมื่อ มาร์เซโล ได้บอลทางรืมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะลากตัดเข้าในมาถึงบริเวณหัวกะโหลก แล้วปั่นด้วยเท้าขวา บอลแฉลบหน้าอก ฆาบี การ์เซีย ลอยเสียบสามเหลี่ยม สุดปัญญาของ โจ ฮาร์ท ที่จะป้องกันไว้ได้ จากนั้นทั้งคู่เปิดเกมรุกเข้าแลกกันอย่างสนุก และเป็นแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ที่มาได้ขึ้นนำในนาทีที่ 85 เมื่อ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เปิดฟรีคิกจากริมเส้นด้านขวา บอลโค้งเสียบเสาสองอย่างสวยงาม
       
       อย่างไรก็ตาม แชมป์ ลา ลีกา มาตีเสมอได้อีกครั้ง ในนาทีที่ 87 เมื่อ คาริม เบนเซมา รับบอลจาก อังเคล ดิ มาเรีย บริเวณหัวกะโหลก ก่อนจะพลิกยิงด้วยขวาเต็มแรก บอลเสียบเสาแรกอย่างสวยงาม ต่อมา สาวก "เดอะ ซิตีเซ็น" ต้องเงียบกริบในนาทีสุดท้าย เมื่อ คริสเตียโน โรนัลโด ลากบอลหลบ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ทางปีกซ้าย ก่อนจะอัดเต็มหลังเท้า บอลผ่านมือ โจ ฮาร์ท ไม่เหลือซาก จบเกม เรอัล มาดริด ชนะแบบสุดมัน 3-2
       
       รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริง
       
       เรอัล มาดริด : อิเคร์ คาซิยาส , ราฟาเอล วาราน , เปเป้ , มาร์เซโล , อัลบาโร อาร์เบลัว ฅ ซามี เคดิรา , ชาบี อลอนโซ , มิคาเอล เอสเซียง , คริสเตียโน โรนัลโด , อังเคล ดิ มาเรีย , กอนซาโล ฮิกวาอิน
       
       แมนฯ ซิตี : โจ ฮาร์ท , ไมคอน , แว็งซ็องต์ กอมปานี , กาแอล กลิชี , มาติยา นาสตาซิช , ซาเมียร์ นาสรี , ฆาบี การ์เซีย , แกเร็ธ แบร์รี , ดาบิด ซิลบา , ยายา ตูเร , คาร์ลอส เตเบซ

237
 โจเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด เปิดเผยว่า ลูกทีมของตนได้รับ ดีเอ็นเอ ของความเป็นนักสู้กลับมาแล้ว หลังพลิกกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี แบบสุดมัน 3-2 ทั้งที่ตกเป็นรองถึง 2 ครั้ง ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก เมื่อคินวันอังคารที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา
       
       "ราชันชุดขาว" ตกเป็นฝ่ายตามหลัง 0-1 จากหัวหอกตัวสำรองอย่าง เอดิน เซโก ในนาทีที่ 68 ก่อนที่ มาร์เซโล แบ็คจอมบุกชาวบราซิล จะซัดตีเสมอ ในอีก 8 นาทีต่อมา ทว่า อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ กลับพังประตูให้ "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นนำเป็นครั้งที่ 2 จากลูกฟรีคิก ในนาทีที่ 85
       
       อย่างไรก็ตาม คาริม เบนเซมา ก็มาซัลโวกู้สถานการณ์ของ แชมป์ ลา ลีกา อีกครั้งในนาทีที่ 87 และอีก 3 นาทีต่อมา คริส เตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส ก็มาทำประตูปิดท้าย ให้ ทีมจากเมืองหลวง แซงเข้าป้ายด้วยสกอร์ 3-2
       
       มูรินโญ รู้สึกดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ กับชัยชนะเหนือสโมสรชั้นนำอย่าง แมนฯ ซิตี ซึ่งนักเตะของตนสมควรได้รับ พร้อมทั้งเผยว่า ความสำเร็จจากนัดนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนของทีม หลังทำผลงานในช่วงออกสตาร์ท ลีกแดนกระทิงดุ อย่างย่ำแย่
       
       "เดอะ สเปเชียล วัน" กล่าวว่า "มันเป็นชัยชนะที่สำคัญ เพราะเลือดนักสู้ของลูกทีมกลับมาแล้ว พวกเขาพิสูจน์ให้ผมเห็นว่า หากพวกเขาต้องการเป็นเบอร์ 1 ของวงการฟุตบอล และให้เกียรติต่อประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ เรอัล มาดริด พวกเขาต้องทำได้"
       
       "เราอาจแพ้ในเกมนี้ แต่ผมจะภูมิใจ แต่เราไม่สามารถแพ้เหมือนเกมที่เราเล่นกับ เซบีญา และ เกตาเฟ ความสุขของผมไม่ใช่แค่การเก็บ 3 คะแนน มันเกี่ยวกับ ดีเอ็นเอ ความเป็นนักสู้ของทีมได้กลับมาแล้ว" อดีตกุนซือ อินเตอร์ ทิ้งท้าย

238
ไรอัน กิ๊กส์ นักเตะประสบการณ์สูงของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชื่อว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี และ ชินจิ คากาวะ สองแข้งหน้าใหม่ จะพาทีมลุ้นความสำเร็จในการทำศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ก่อนลงประเดิมสนามกับ กาลาตาซาราย คืนวันพุธที่ 19 ก.ย. นี้
       
       "ปิศาจแดง" ถูกเขี่ยตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก แบบพลิกความคาดหมาย หลังเก็บชัยชนะได้เพียง 2 จาก 6 นัด เมื่อซีซันที่แล้ว ทั้งที่อยู่ร่วมสาย C กับทีมอย่าง เบนฟิกา , เอฟซี บาเซิล และ โอเตลุล กาลาติ
       
       สำหรับปี 2012-13 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เสริมทัพด้วยการคว้า โรบิน ฟาน เพอร์ซี ดาวซัลโวสูงสุดของ พรีเมียร์ ลีก และ ชินจิ คากาวะ ซูเปอร์สตาร์จากญี่ปุ่น เมื่อช่วงเปิดตลาดนักเตะเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ ปีกจอมเก๋าชาวเวลช์ มั่นใจว่า ดูโอในแนวรุกคู่ใหม่ จะเป็นความหวังของทีม ในการล่าถ้วย "บิ๊กเอียร์"
       
       แข้งวัย 38 ปี กล่าวก่อนลงเตะกับ ทีมดังจากตุรกี ว่า "โรบิน มีประสบการณ์ในการเล่นถ้วยยุโรปกับ อาร์เซนอล ดูจากจำนวนประตูที่เขาทำได้ มันทำให้เรามีความหวังในปีนี้"
       
       "ชินจิ เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่จะแจ้งเกิดบนเวทียุโรป ซึ่งการครองบอลของเขาเป็นกุญแจสำคัญ ผมมั่นใจว่าทั้งสองคนนี้ จะทำให้เราโชว์ฟอร์มได้ดีใน แชมเปียนส์ ลีก" กิ๊กส์ ทิ้งท้าย

หน้า: 1 ... 14 15 [16]