เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะแอธเลติก บิลเบาไปแบบหืดจับ 2-1 ในเกมลา ลีก้าเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่เป็นอีกเกมที่คริสติอาโน่ โรนัลโด้ไม่มีชื่อเป็นผู้ทำประตู
เกมที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว เจ้าถิ่น"ราชันชุดขาว"ได้ประตูออกนำยอดทีมแห่งแคว้นบาสก์ไปก่อน 1-0 จากการประตูตั้งแต่ต้นเกมนาทีที่ 7 ของคาริม เบนเซม่า
หากดูจากสถิติที่ผ่านมาที่มาดริดเอาชนะได้ใน 11 เกมหลังสุดที่ทั้งคู่เจอกันในสนามแห่งนี้ อาจจะดูเหมือนว่าเกมเข้าทางเจ้าถิ่น แต่ที่ไหนได้วันนี้ทีมเยือนมาเล่นได้ดีแถมได้ประตูตีเสมอในนาทีที่ 27 จากซาบิน เมริโน่ ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นั้น
ครึ่งหลังทีมชุดขาวพยายามจะยิงประตูแซงนำแต่ก็พลาดไปหลายครั้งหลายหน โดยเฉพาะโรนัลโด้ที่มีโอกาสมากมายแต่สุดท้ายยิงทิ้งยิงขว้างไปซะหมด
อย่างไรก็ตามลูกทีมของซีเนอดีน ซีดานก็มาได้ประตูชัยในนาทีที่ 83 จากตัวสำรองอย่างอัลบาโร่ โมราต้า ช่วยให้พวกเขาชนะ 2-1 เก็บสามคะแนนเต็มขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทันที
กระนั้นก็มีเรื่องให้พูดถึงหลังเกมเกี่ยวกับฟอร์มของโรนัลโด้ในวันนี้ ซึ่งการที่เขาไม่สามารถยิงประตูได้ในเกมนี้นับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เข้าย้ายมาเล่นในเบร์นาเบวและไม่สามารถยิงที่สนามแห่งนี้ได้ 4 นัดติดต่อกัน
จากสถิติที่ออกมาโรนัลโด้มีโอกาสยิงคนเดียว 11 ครั้งในเกมนี้ ซึ่งนั่นเป็นจำนวนที่มากกว่าผู้เล่นของบิลเบารวมกันเสียอีก(10ครั้ง)
หากดูจากสถิติก่อนหน้าที่เขาเป็นผู้เล่นที่สามารถทำประตูใส่บิลเบาได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ลา ลีก้า ที่ 16 ก็ไม่น่าแปลกใจที่ดาวเตะกัปตันทีมชาติโปรตุเกสออกอาการหงุดหงิดตลอดทั้งเกม
จังหวะที่เขาพลาดและน่าเขกกบาลที่สุดคือจังหวะในช่วงท้ายเกมนาทีสุดท้ายที่ลูคัส บาซเกซแทงบอลให้เขาหลุดโล่งๆ มีเวลาคิดและเลือกมุมยิงอยู่นานแต่สุดท้ายดันยิงไปติดเซฟกอร์ก้า อิไรซอซ ซะอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามหลังเกมมาร์เซโล่ที่ทำหน้าที่เป็นกัตันทีมในเกมนี้ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า "คริสติอาโน่น่ะเขาต้องการทำประตูอยู่แล้วล่ะ เขาช่วยทีมได้หลายอย่างไม่ใช่แค่การทำประตู แต่เขายังเป็นคนทำงานหนักด้วย"
สถิติเล็กๆทีอีกอย่างที่บ่งบอกว่าโรนัลโด้มีเกมที่ไม่ดีเลยในนัดที่ผ่านมาคือทั้งที่มาดริดครองบอลบุกมากกว่าในครึ่งแรก แต่ภายใน 45 นาทีแรกนั้นเขาได้ส่งบอลเพียง 10 ครั้ง ซึ่งน้อยที่สุดในสนามร่วมกับตัวรุกของบิลเบาอย่างเมริโน่
