ลิเวอร์พูล อยู่ในช่วงเกมรุกฝืดอย่างแท้จริง หลังจากที่พวกเขาไม่มีจังหวะยิงตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียวในเกมที่บุกแพ้นาโปลี 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก กลุ่ม C ทีม"หงส์แดง"ที่สะดุดแพ้เชลซีในฟุตบอลถ้วย และไล่เจ๊าในเกมพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์ผ่านมา ต้องบุกเยือนเกมหนักที่เมืองเนเปิลส์
เกมนี้ลูกทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นแบบเน้นรับแทบทั้งเกมครองบอลเป็นรองคู่แข่งก่อนโนลงโทษในนาทีสุดท้ายจากลูกยิงของลอเรนโซ่ อินซิเย่ ทำให้แพ้ไป
ลิเวอร์พูลไม่ชนะเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้ผลการแข่งขันคือ 3 นัดดังกล่าวพวกเขายิงได้ 2 ประตู แถมเป็นการมาจากแข้งสำรองอย่างดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
เกมที่ซาน เปาโล ยักษ์ใหญ่เมอร์ซีย์ไซด์มีโอกาสยิงประตูรวม 4 ครั้ง และทั้งหมดไม่ตรงกรอบให้ดาวิด ออสปิน่าได้ออกแรงเลย
นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขายิงไม่ตรงกรอบในซึกแชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ปี 2006 ที่แพ้เบนฟิก้า 1-0
คล็อปป์พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า "พวกเขาชนะเพราะยิงประตูได้ แต่แน่นอนว่าเราเองก็ยิงไม่ตรงกรอบเลย ผมจำไม่ได้เลยว่าเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อไหร่"
"ผมยินดีมากที่จะยกเครดิตให้นาโปลี แต่ผมว่าเราเองก็มีส่วนในความพ่ายแพ้นี้"
"เราสามารถทำได้ดีกว่านี้และพวกเขาก็ป้องกันได้ดีในหลายจังหวะในช่วงท้าย เราไม่ค่อยได้เซ็ตพีซ ยิงไม่ตรงกรอบ นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะแพ้" เขากล่าว
สถิติที่น่าสนใจอีกอย่างในเกมนี้คือแผงกลางของลิเวอร์พูลอย่าง จินี่ ไวจ์นัลดุม และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายบอลไปข้างหน้ารวมกันเพียง 12 ครั้งเท่านั้น
และอีกอย่างคือฤดูกาลที่แล้วสามกองหน้าอย่างซาดิโอ มาเน่, โม ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ช่วยกันยิงประตูทุก 43 นาทีต่อหนึ่งลูก แต่ปีนี้สถิติของพวกเขาลดลงมาเหลือทุห 72 นาที