ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือ"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยืนกรานว่าทีมของเขาไม่ได้เหนือกว่า "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก วันเสาร์นี้สำหรับเรอัล มาดริด ถือว่าเป็นเจ้ายุโรปอย่างแท้จริงเมื่อทำสถิติครองแชมป์สูงสุด และกำลังลุ้นคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันถ้าหากพวกเขาสามารถล้มลิเวอร์พูลได้สำเร็จที่เคียฟในวันเสาร์นี้
อย่างไรก็ตาม ซีดาน ได้ออกโรงปฏิเสธความคาดหวังจากผู้คนรอบข้างที่ต่างก็พากันยกย่องให้ทีมของเขาเป็นต่อทีมแกร่งจากอังกฤษ
"ผู้คนพูดกันไปต่างๆมากมาย ซึ่งเรารู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เกมนัดชิงชนะเลิศมันก็คือนัดชิงชนะเลิศ เราไม่ได้เป็นต่อ ลิเวอร์พูลก็ไม่ได้เป็นต่อ" กุนซือเรอัล มาดริด กล่าว
"สิ่งที่เราจะต้องทำในเกมนี้ก็คือเล่นออกมาให้ดีที่สุด ส่วนประสบการณ์ที่เป็นต่อไหมน่ะเหรอ เราไม่เชื่ออย่างนั้น"
นอกจากนี้ ซีดาน ยังมั่นใจว่าการได้ผ่านเข้ามาเล่นนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก 3 ปีติดต่อกันไม่ได้ทำให้นักเตะหมดความท้าทาย พร้อมทั้งย้ำเตือนให้ทุกคนต้องดื่มด่่ำกับความรู้สึกที่ได้ประสบความสำเร็จในเกมยุโรปเอาไว้มากๆ
"เรามีช่วงเวลาแห่งความสุขในขณะนี้ มีความสุขในการเตรียมทีม มีความสุขที่กำลังจะได้เล่นเกมชิงชนะเลิศอีกครั้ง เราเคยผ่านสิ่งเหล่านี้เข้ามาใช้ชีวิตแล้วและบางทีเราก็จะมีชีวิตที่พบเจอเรื่องราวมหัศจรรย์แบบนี้อีกหรืออาจจะไม่ได้หวนกลับมาเจอมันอีกเลย ดังนั้นเราต้องใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มค่าที่สุด" กุนซือมาดริด กล่าว
"เราคือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง และขึ้นชื่อว่ามนุษย์มันไม่แปลกที่จะต้องเต็มไปด้วยความรู้สึก เพราะนั่นคือสิ่งที่งดงามมากในชีวิต"
ทั้งนี้ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กองหน้าตัวเกง่ของทีมสามารถลงซ้อมได้ตามปกติที่โอลิมปิก สเตเดี้ยม กรุงเคียฟ ซึ่งซีดานได้อัพเกรดถึงอาการบาดเจ็บของสตาร์คนสำคัญว่า
"เขาทำได้ดีมาก ถ้าเขาทำได้สัก 140 เปอร์เซนต์ มันยิ่งดีมากๆ เรารู้ว่าเขาจะต้องไปอยู่ในสนามอย่างแน่นอน" ซีดาน กล่าว
ส่วนกรณีของแกเร็ธ เบล ที่กำลังเป็นประเด็นว่าจะได้เป็นตัวจริงหรือไม่ ทางซีดานก็ไม่เปิดเผยว่าจะส่งสตาร์ตป็น 11 คนแรกหรือไม่โดยบอกแค่เพียงว่า ตัวสำรองก็มีความสำคัญ
"นักเตะอาจผิดหวัง แต่ถึงแม้พวกเขานั่งอยู่บนน้านั่งสำรองก็คือส่วนหนึ่งของทีม พวกเขายังคงอยู่กับทีม นั่นก็คือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญแล้ว" ซีดานกล่าว
"นี่คือช่วงที่เลวร้ายที่สุดของคนเป็นโค้ชกับการต้องเลือกนักเตะเล่นนัดชิง มันจะมีนักเตะบางคนที่ไม่ได้รับเสื้อให้อยู่ในทีม แต่นักเตะรู้ว่าอะไรคืออะไร"
"ผมในฐานะโค้ช ผมต้องรับผิดชอบ นั่นคืองานที่ผมต้องทำ"