เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น



ข่าว: SMF - Just Installed!




เชียร์บอล

ผู้เขียน หัวข้อ: ‘ลาปอร์ต’คือใคร … แล้ว‘เรือใบ’จะได้อะไรจากเขา?  (อ่าน 1186 ครั้ง)

BigBoss555

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9661
    • ดูรายละเอียด

  แมนเชสเตอร์ ซิตี้เพิ่งจะแสดงให้เห็นถึงความกระหายยิ่งขึ้นไปอีกที่จะไล่ล่าคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์โทรฟี่ย์ ด้วยการคว้าเอาตัวอายเมอริค ลาปอร์ตปราการหลังอนาคตไกลมาจากแอตเลติก บิลเบา

ทีม “เรือใบ” จัดการประเคนเงินก้อนจำนวน 57 ล้านปอนด์เพื่อฉีกสัญญากระชาก ลาปอร์ต ให้ออกมาจากอ้อมอกของบิลเบา ก่อนจะจรดปากกาเซ็นสัญญากันไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

แม้ว่าจะเสียไปแค่ 18 ลูกตลอดการแข่งขันพรีเมียร์ ลีกตั้งแต่เปิดฤดูกาลจนถึงตอนนี้ด้วยการยืนจับคู่กันอย่างแข็งแกร่งของจอห์น สโตนส์และนิโกล่าส์ โอตาเมนดี้ก็ตาม แต่ถ้ามองดูให้ดีจะเห็นเลยว่าตัวเลือกในตำแหน่งเซ็นเตอร์ตัวกลางของทีมนั้นดูจะน้อยไปหน่อย

นอกเหนือจาก 2 ตัวหลักแล้ว ตัวเลือกที่เหลือของเป๊บ กวาร์ดิโอล่าอย่างแวนซองต์ กอมปานีก็มักจะวนเวียนอยู่บนเตียง ณ โรงพยาบาล ในขณะที่อีเลียควิม ม็องกาล่าก็ทำผลงานได้ไม่เข้าตาสักเท่าไหร่เมื่อยามได้รับโอกาสลงสนาม

นั่นคือสาเหตุที่ทำไม กวาร์ดิโอล่า ถึงได้ยอมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึงเอาแข้งวัย 23 ปีที่เขาตามติดดูฟอร์มและเคยพยายามที่จะโน้มน้าวให้ย้ายมาเล่นในถิ่นเอติฮัด สเตเดี๊ยมตั้งแต่เมื่อปี 2016 แล้ว แต่เหมือนเจ้าตัวยังอยากที่จะอยู่ลับแข้งกับต้นสังกัดเก่าต่อก่อนที่จะตกลงปลงใจย้ายถิ่นฐานในปีนี้

แข้งเลือดเฟร้นช์มีฝีเท้าและทักษะตรงตามที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการ ซึ่งเมื่ออ้างอิงจากสถิติของเขาในเว็บ WhoScored.com แล้วนั้น เราจะเห็นได้เลยว่า การจ่ายบอล คือจุดเด่นอย่างยิ่งของเจ้าตัว โดยในลา ลีกาซีซั่นนี้ เขามีสถิติการจ่ายบอลต่อเกมถึง 51.2 ครั้ง ซึ่งมากกว่าเพื่อร่วมทีมบิลเบาทุกคน

จริงอยู่ที่สถิติความแม่นยำในการจ่ายบอลอาจจะอยู่แค่ที่ 83.7 เปอร์เซ็นต์ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าไม่ได้เข้าขั้นยอดเยี่ยมกระเทียมดองแต่อย่างใด แต่ต้องอย่าลืมว่าในขณะเดียวกันนั้น บิลเบา มีสถิติการครองบอลต่อเกมแค่เพียง 49.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมื่อย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่มีสถิติครองบอลสูงถึง 66.4 เปอร์เซ็นต์ต่อเกมซึ่งถือว่าเหนือกว่าทุกทีมในลีกชั้นนำของยุโรปทั้ง 5 ลีก ผลลัพธ์ความแม่นยำในการจ่ายบอลของเขายิ่งต้องสูงขึ้นไปด้วยอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นเขายังทำได้ดีกับการผ่านบอลระยะไกล ซึ่งสถิติความแม่นยำอยู่ที่ 7.4 ครั้งต่อเกมในลา ลีกาซึ่งมากกว่านักเตะเอ๊าท์ฟิลด์ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันคนไหนๆในลีกชั้นนำของยุโรปทั้ง 5 ลีก แน่นอนเลยว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งอาวุธลับของ กวาร์ดิโอล่า ผู้ที่ชื่นชอบให้ลูกทีมสลับจังหวะจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็วเพียงแค่พริบตาเดียว

ลาปอร์ต มีอีกหนึ่งจุดเด่นในการพาบอลขึ้นไปข้างหน้าและยังมีความสามารถในการจ่ายบอลจากแนวรับที่จะช่วยให้แข้งตัวรุกของทีมสับกันตีนแตกเพื่อลุ้นประตูในจังหวะสวนกลับอีกด้วย

แข้งซ้ายธรรมดารายนี้ยังเก่งเรื่องลูกกลางอากาศซึ่งจะช่วยให้เขาปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของพรีเมียร์ ลีกได้ไวขึ้น จาก 59 แข้งที่ขึ้นเล่นลูกโหม่งได้สำเร็จมากกว่า 50% ในลา ลีกาแล้วนั้น มีเพียงสตีเฟ่น เอ็นซ็องซี่ของทางเซบีย่าเท่านั้นที่มีสถิติสำเร็จสูงกว่าที่ 78.4 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่สถิติของ ลาปอร์ต อยู่ที่ 71 เปอร์เซ็นต์ต่อเกม ถือว่าเจ้าตัวใช้ความสูง 6 ฟุต 3 นิ้วของตัวเองได้เป็นอย่างดี แข็งแกร่งน่าดูทีเดียว

กระนั้น ใช่ว่า ลาปอร์ต จะไม่มีตำหนิอะไรเลย เพราะดูเหมือนความเร็วและความคล่องตัวจะไม่ใช่จุดเด่นของเขาและอาจกลายเป็นจุดอ่อนในแนวรับที่มักจะดันขึ้นสูงอยู่เสมอของทัพ “เรือใบ” ด้วย คงไม่มีใครเถียงเรื่องเซ้นส์ในการอ่านตำแหน่งการเล่นของคู่แข่ง แต่การที่ไม่ได้มีความเร็วมากนักมันก็ยากที่จะป้องกันได้ทันท่วงที หากมีระยะห่างเกิดขึ้น บางทีอดีตกุนซือบาร์เซโลน่าอาจจะต้องเตือนๆให้ เอแดร์สัน ตื่นตัวให้มากขึ้นหน่อยก็เป็นได้

ด้วยวัยเพียงแค่ 23 ปี ยังเหลือเวลาอีกมากให้ ลาปอร์ต ได้พัฒนาฝีเท้าของเขาเองภายใต้การชี้นำของ กวาร์ดิโอล่า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเขาปลุกปั้นนักเตะนักเตะมามากมายแค่ไหน

แน่นอนว่า ลาปอร์ต จะกลายมาเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆในการเคียงคู่กับ โอตาเมนดี้ หรือไม่ก็ สโตนส์ หรืออาจจะลงเล่นพร้อมกันทั้งหมดในแผนแนวรับ 3 คน นอกจากนั้นเขายังสามารถลงเล่นในแชมป์เปี้ยนส์ ลีกซีซั่นนี้ได้ด้วย

การมาของ ลาปอร์ต ไม่ใช่แค่การเสริมแนวรับด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรของแมนเชสเตอร์ ซิตี้เท่านั้น

แต่ยังหมายถึงการที่ทัพ “เรือใบ” และ กวาร์ดิโอล่า พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าถ้วยแชมป์จะไม่หลุดมือพวกเขาไปไหนไงครับ